จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดอกไม้ติดเสื้อเจ้าบ่าว...บูโทเนียร์





ในขณะที่ว่าที่เจ้าสาวมี Accessories ประดับตกแต่งมากมายหลายหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็น ดอกไม้ติดผม, มงกุฏเพชรเล็ก ๆ, ขนนกฟูฟ่อง, ที่คาดผมเก๋ ๆ, ถุงมือ หรือแม้แต่ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว (Wedding Veil) เป็นต้น ว่าที่เจ้าบ่าวก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะ เพราะเขาก็มี Accessories ประดับร่างกายเยอะไม่แพ้เจ้าสาว เช่น นาฬิกา แหวน, หัวเข็มขัด, ไทคลิป (Tie Clip), เข็มกลัดติดเนคไทม (Necktie pin), กระดุมคอเสื้อ (Stud) และกระดุมข้อมือ (Cufflinks) ฯลฯ  อะ ๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมี "บูโทเนียร์" (Boutonniere) หรือ ดอกไม้ติดเสื้อสำหรับเจ้าบ่าว ซึ่งช่วยสร้างสีสันความสดชื่นให้กับเจ้าบ่าวได้มาทีเดียว ซึ่งวันนี้กระปุกเวดดิ้งได้หยิบเอาภาพ"บูโทเนียร์" ช่อสวย ๆ มาฝากกันด้วยค่ะ...



















พอจะได้ไอเดียบ้างไหมคะเจ้าสาวทั้งหลาย อิอิ

จัดดอกไม้งานแต่ง บรรยากาศสวยๆ



  ดอกไม้...ไม่ว่าจะประดับตกแต่งอยู่ตรงมุมไหน ตำแหน่งใด ๆ ก็มักเปล่งประกายส่งความสดชื่น สวยงาม ออกมาให้ได้สัมผัสเสมอ โดยเฉพาะกับ "งานแต่งงาน" ที่ต้องนำดอกไม้มาเติมเสริมแต่งให้บรรยากาศงานงดงามยิ่งขึ้น 
          โดยดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานแต่งงาน เช่น ดอกกุหลาบ, ดอกลิลลี่, ดอกคาร์เนชั่น, ดอกเบญจมาศ, ดอกเยอร์บีร่า, ดอกกล้วยไม้, ดอกเดซี่ และดอกบัว ฯลฯ เพราะหาได้ง่าย รวมถึงมีสีสันสดใสน่ามอง บางชนิดส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนดม 
          ซึ่งคู่บ่าวสาวที่จ้างนักจัดดอกไม้ มาเนรมิตให้ดอกไม้ให้ออกมาสวยงามตามคอนเซ็ปต์ที่ได้วางกันไว้ ก็คงไม่หนักใจเท่าไหร่ แต่คู่บ่าวสาวที่อยากจะประหยัดงบประมาณ ด้วยการจัดงานแต่งงานเองทั้งหมด อาจจะยังไม่มีไอเดียในการจัดดอกไม้ในงานแต่งงาน เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกเวดดิ้งจึงนำเอารูปภาพการจัดดอกไม้แต่งงาน หลากแบบหลายสไตล์ มาให้ชมกัน เผื่อเป็นหนึ่งไอเดียในการจัดดอกไม้สำหรับงานแต่งงาน ที่แสนพิเศษของคุณทั้งคู่ค่ะ 


ตัวอย่างภาพสวยๆค่ะ









เป็นไงบ้างคะ สาวๆ สวยถูกใจหรือเปล่าคะ  เอาไว้โอกาสหน้าจะนำมาฝากอีกนะคะ อัพเรื่อยๆตามสมัยนิยมค่ะ อิอิ

ช่อดอกไม้เจ้าสาว





Bridal Bouquet หรือ ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในงานแต่งงาน คือสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะเป็นเพิ่มความสวยงาม เป็นพร็อพเวลาถ่ายรูปแล้ว ยังสร้างความรื่นเริงในงานแต่งงานได้อีก นั่นก็คือ "การโยนช่อดอกไม้" ให้แก่บรรดาสาวโสด เพราะมีความเชื่อกันว่าสาวคนไหนได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาว จะเป็นเจ้าสาวคนต่อไป (อิอิ) งานนี้บรรดาสาวโสดทั้งหลายจึงเฝ้ารอคอยช่วงเวลานี้อย่างใจจดใจจ่อ
          เพราะฉะนั้น ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวจึงต้องคัดสรรกันซะน้อย ซึ่งอันดับแรกต้องเลือกให้เข้ากันดีกับชุดเจ้าสาว และควรคำนึงถึงธีมของงานแต่งงานด้วย ไม่ใช่งานแต่งงานธีมสีฟ้าขาว แต่เลือกช่อดอกไม้สีแดงสดก็ดูขัดตาไปนิด เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าช่อดอกไม้โดดเด่นกว่าตัวเจ้าสาว ทางที่ดีเลือกช่อที่มีสีสันสดใสพอประมาณจะดีกว่า 
         ทั้งนี้ หากชุดเจ้าสาวมีรายละเอียดมากพอแล้ว ก็ให้เลือกช่อดอกไม้สีเรียบ ๆ แต่ถ้าชุดเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีรายละเอียดมากนัก ก็ควรเลือกช่อดอกไม้ที่มีดีไซน์เก๋ ๆ เพราะช่วยส่งให้ชุดเจ้าสาวดูเด่นน่ามองขึ้น
          อย่างไรก็ตาม วันนี้กระปุกเวดดิ้งก็ได้นำ ช่อดอกไม้ของเจ้าสาว หลากแบบหลายสไตล์มาให้ชมกัน เผื่อเป็นไอเดียในการเลือกช่อดอกไม้สำหรับเจ้าสาว 

มาดูตัวอย่างช่อ บูเก สวยๆกันค่ะ



















จัดซุ้มดอกไม้งานแต่ง...ต้องประมาณไหนนะ










ดอกไม้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้งานแต่งงานออกมาสวยและดูดี แต่กว่าดอกไม้จะจัดวางไว้ตรงตำแหน่งที่สวยสมใจเจ้าบ่าว-เจ้าสาว อาจมีงบประมาณเกินเลยมาบ้าง ก็แหม…คุณเจ้าสาวอยากให้มีดอกไม้จัดวางไว้ตรงทางเดิน ตรงทางเข้า ซุ้มดอกไม้สำหรับถ่ายรูป บนเวที บนโต๊ะอาหาร บริเวณเค้กแต่งงาน ฯลฯ จัดไปจัดมาทำไมงบบานปลายล่ะ ทั้งๆ ที่ก็ตั้งงบกับค่าดอกไม้ไว้แล้วแท้ๆ ดังนั้น กระปุกเวดดิ้งจึงนำเทคนิคการเลือกดอกไม้ และอุปกรณ์ในการจัดงาน แบบประหยัดๆ มาบอกกันค่ะ…
อันดับแรก…เจ้าบ่าว-สาวต้องตกลงกันก่อนว่าธีมของงานคือสีอะไร เพราะสามารถกำหนดสีของดอกไม้ ชนิดของ ดอกไม้ รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ได้ ซึ่งโทนสีที่นิยมได้แก่ โทนสีชมพู สีขาว สีฟ้า สีแดง สีชมพู-ขาว สีชมพู-ฟ้า สีชมพู-ม่วง สีขาว-ทอง สีขาว-เขียว และสีขาว-แดง เป็นต้น
อันดับสอง…เลือกใช้ดอกไม้ ใบไม้ ต้นไม้ ในประเทศ เพราะราคาถูกกว่าดอกไม้จากต่างประเทศ  ระบุกับช่างที่จัดดอกไม้ไปเลยว่าต้องการดอกไม้แบบไหน และจำนวนประมาณเท่าไหร่ ที่สำคัญต้องระบุไปด้วยว่าไม่ชอบดอกไม้อะไรด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรสอบถามราคาจากช่างจัดดอกไม้คร่าวๆ ก่อน ว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ถ้าเกินกว่าที่ตั้งไว้ก็ลองถามช่างจัดดอกไม้ดูว่า มีอะไรตัดออกได้บ้าง
ง่ายๆ แค่นี้ เจ้าบ่าว-สาวก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องดอกไม้แล้วล่ะค่ะ…

เทคนิคการเชิญแขก



ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการเทียบเชิญแขกให้มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงาน ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะทำให้ตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเองเป็นกังวล เพราะเกรงว่าแขกจะมาน้อย หรือเกรงว่าแขกจะมามากจนขนาดของสถานที่จะไม่พอ อาหารไม่พอ วันนี้กระปุกเวดดิ้งจึงขอนำเทคนิคง่าย ๆ ในการเชิญแขกมาฝากกันค่ะ เผื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะใช้เป็นแนวทาง
 1. ลิสต์รายชื่อแขกทั้งหมดที่จะเชิญ
          ก่อนอื่นเราควรจดรายชื่อแขกทั้งหมด โดยการให้ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ ของฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมทั้งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง เขียนรายชื่อแขกของตัวเองออกมา เพื่อความสะดวกอาจแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ เช่น ญาติฝ่ายเจ้าสาว-ฝ่ายเจ้าบ่าว แขกผู้ใหญ่ของทางคุณพ่อ-คุณแม่ เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนประถม, มัธยม สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งในการจดรายชื่อแนะนำให้ใส่ลำดับที่ด้วยค่ะ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการนับจำนวน 
 2. ควรเชิญใครบ้าง…?
          เจ้าบ่าวเจ้าสาวบางคู่ขี้เกรงใจ จึงมักเกิดคำถามว่า จะเป็นการรบกวนหรือเปล่า ในแขกบางรายที่อยู่ไกล หรือไม่สนิทนัก ข้อนี้ขอแนะนำให้คิดง่าย ๆ ว่า เชิญทุกคนที่เรารู้สึกดีกับเค้า แล้วเค้ามีไมตรีกับเรา ไม่ต้องกังวลนะคะว่าจะเป็นการรบกวน เพราะการส่งการ์ดเชิญ หมายถึงการที่เรา หรือผู้ใหญ่ของเรา ยินดีอยากให้เค้าได้มาร่วมเป็นเกียรติในงานแต่งงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญช่วงหนึ่งในชีวิตของทุก ๆ คน 
 3. จำนวนแขก ต้องสอดคล้องกับงบประมาณ
          เพราะการ์ดเชิญ 1 ใบ สามารถเชิญแขกมากกว่า 1 ท่าน เช่น เชิญเป็นคู่ หรือเชิญทั้งครอบครัวที่อาจจะมีสมาชิกได้ถึง 4 ท่าน ดังนั้น จึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับจำนวนของแขกที่มาร่วมงานด้วย เช่น ค่าอาหาร และค่าสถานที่ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในส่วนของการ์ดแต่งงานและของชำร่วย
 4. การ์ดและซอง
          การสั่งพิมพ์การ์ดควรสั่งมากกว่าจำนวนที่กะไว้ซักประมาณ 5 % เพื่อสำรองไว้ในแขกบางรายที่เราอาจพลาดหลงลืมไป เราจะได้มอบการ์ดให้เขาได้ทันท่วงที และในส่วนของซอง ขอให้เผื่อซองมากกว่าจำนวนการ์ดไปอีก เพราะมักจะเกิดเหตุการณ์เขียนหรือพิมพ์ชื่อแขกผิดอยู่เป็นประจำ
 5. ข้อควรระวัง
      อย่าแจกการ์ดก่อนวันงานนานเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้แขกลืมวันงานของคุณ แล้วยังพลอยทำให้ความตื่นเต้น และความอยากมาร่วมแสดงความยินดีลดน้อยลงไปด้วย ดังนั้น ควรจะเริ่มแจกการ์ดก่อนวันงานประมาณ 6-8 สัปดาห์ โดยเราอาจจะมีการกล่าวเชิญด้วยปากเปล่าก่อนหน้านี้ก็ได้
     แขกที่อยู่ต่างจังหวัด คุณควรส่งการ์ดทางไปรษณีย์ และอย่าลืมแนบคำ "ขออภัยที่มิได้เรียนเชิญ ด้วยตนเอง" ไปด้วย พร้อมทั้งควรโทรศัพท์เช็คซ้ำ ก่อนวันงาน ประมาณ 2-3 สัปดาห์
      แนบแผนที่จัดงานไว้ในการ์ดด้วย เพื่ออำนวยความสะดวก และแขกจะได้ไม่หลงทาง หรือเข้าผิดงาน  คงไม่ดีแน่ ถ้าแขกที่ตั้งใจมางานของเราต้องเสียเวลาในการตามหาสถานที่จัดงาน
          ท้ายสุด…เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องไม่ลืมที่จะเชิญแขกคนสำคัญด้วยตัวเองนะคะ โดยเฉพาะแขกผู้ใหญ่ทั้งหลายที่เป็นคนสำคัญของงาน