ไม่ เร็วเกินไปหรอกค่ะที่จะเริ่มพูดคุยปรีกษากันเรื่อง list
ของแขกที่จะเชิญมางานแต่งของคุณ
ก่อนที่คุณจะเชิญแขกมางานคุณควรจะปรึกษากับคู่ของคุณก่อนและช่วยกันตอบคำถาม
ต่อไปนี้
ขนาดของงาน แต่งงานที่คิด ไว้เป็นอย่างไร
ก่อนอื่นต้องคุณและคู่ของคุณต้องเข้าใจตรงและมีความเห็นตรงกันก่อนว่างาน แต่งงานของคุณนั้นจะใหญ่หรือเล็กแค่ไหน รองรับแขกได้กี่คน
ใครบ้างคือคนสำคัญที่คุณ ต้องให้เค้ามามีส่วนร่วมในงานแต่งงานของคุณ
คุณ จะไม่มีทางรู้เลยว่าแขกคุณมามางานกี่คนจนกว่างานแต่งงานคุณจะเลิก
เริ่มต้นคุณต้องนับจำนวนคนในครอบครัว ญาติๆ และเพื่อนสนิทของคุณก่อน
คราวนี้คุณก็จะพอรู้จำนวนแขกที่เหลือที่คุณจะเชิญมาได้
ซึ่งอาจจะต้องมีบางคนที่ถูกตัดออกไปเพราะว่าสถานที่งานอาจจะไม่พอที่จะรอง
รับจำนวนคนมี่มากเกินไป
ใครที่เราไม่อยากเชิญมา งานแต่ง
ควร มีการทำความเข้าใจและตกลงกันกับคู่ของคุณก่อนถ้าคุณไม่อยากให้เชิญ
แฟนเก่า ของคุณมา ถึงแม้ว่าเค้าจะสนิทสนมกับคู่ของคุณ
หรือเพื่อนสนิทของคุณก็ตาม แขกประเภทอื่นๆ ที่ไม่ควรเชิญ เช่น
- แขกที่จะพาคนอื่นที่เราไม่รู้จักมาด้วย (ซึ่งบางครั้งอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้อีกด้วย)
- คนที่ดื่มจัด และก็ไม่ได้สนิทกับคุณมากอีกด้วย
- คนที่เรารู้จักในแง่ธุรกิจ
- คนที่เคยมีเรื่องกับคุณหรือเคยมีปัญหาบาดหมางกับคุณ
ใครคือผู้ที่ออกค่าใช้ จ่ายให้งานแต่งของคุณ
ถ้า คุณพ่อคุณแม่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้งานแต่งคุณ
คุณควรให้ความสำคัญกับแขกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการเชิญก่อน
ซึ่งคุณควรปรึกษาท่านก่อนว่าแขกหรือเพื่อนๆที่ท่านจะเชิญมางานแต่งนั้นมี
ประมาณกี่คน หากมีมากเกินไปหรือน้อยกว่าขนาดของงานแต่งงานที่คุณต้องการ
ก็ต่อรองกับท่านได้ ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ
แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง มันก็จะง่ายขึ้น
คุณสามารถรับกับค่าใช้ จ่ายที่เกิดขึ้นได้มากแค่ไหน
หลัง จากที่คุณได้ทำการกำหนดงบประมาณสำหรับงานแต่งแล้ว
(ขอให้มีความเป็นได้มากที่สุด)
คุณก็จะพอรู้แล้วว่าจะเชิญแขกมาร่วมงานได้กี่คน
ถามตัวคุณเองด้วยว่ามันจำเป็นมากหรือไม่ที่จะต้องเชิญแขกมามากมาย
หรือต้องมีอาหารหรูหราจำนวนมากให้กับแขกใด้ชิมกัน
แม้ว่างานแต่งจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตาม
ขอให้รู้ไว้ว่าแขกที่เพิ่มขึ้นมาก็คือเงินที่คุณจะต้องจ่ายเพิ่มในที่สุด
ถ้าคุณมีงบประมาณไม่มากนัก ก็น่าจะเหมาะกับงานแต่งงานเล็กๆ น่ารักๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น